JoJo’s Bizarre Adventure เป็นมากกว่ามังงะแอ็กชัน มันคือมหกรรมแฟชั่นเหนือจริงที่เต็มไปด้วยท่าโพสอันน่าทึ่งและสีสันที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์ ในบรรดาผลงานการ์ตูนทั้งหมด คงไม่มีเรื่องไหนที่สามารถผสมผสานการต่อสู้เหนือธรรมชาติเข้ากับรันเวย์แฟชั่นได้กลมกลืนเท่านี้อีกแล้ว Hirohiko Araki ผู้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกนี้ ได้ถอดรหัสและนำองค์ประกอบจากศิลปะชั้นสูงมาใช้อย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า ‘สุนทรียภาพแห่งความโอ่อ่าและสีสันเกินจริง’ ซึ่งนิยามใหม่ของฉากแอ็กชันไปตลอดกาล
สุนทรียศาสตร์แบบ Baroque กับพลังแห่งท่าโพส
หากเรามองภาพวาดของ Araki โดยเฉพาะในยุคหลังๆ เราจะเห็นอิทธิพลของ ‘การจัดองค์ประกอบภาพแบบ Baroque’ อย่างชัดเจน ศิลปะ Baroque ที่รุ่งเรืองในศตวรรษที่ 17 เน้นความโอ่อ่า ความรู้สึกรุนแรง และการเคลื่อนไหวที่เต็มไปด้วยพลัง (Drama) Araki ได้นำหลักการนี้มาใช้ในการออกแบบตัวละครและฉากต่อสู้ ตัวละครใน JoJo ไม่ได้ยืนอยู่เฉยๆ แต่พวกเขา ‘โพส’ ในลักษณะที่โอเวอร์และเกินจริง ราวกับรูปปั้นกรีกหรือฉากจากจิตรกรรมของคาราวัจโจ (Caravaggio) ที่เน้นความขัดแย้งของแสงและเงาอย่างรุนแรง
ท่าโพส ‘JoJo Poses’ เหล่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องตลกขบขัน แต่เป็นการเน้นน้ำหนักทางอารมณ์ การจัดวางร่างกายที่บิดเบี้ยวแต่ทรงพลังนี้ ทำให้ตัวละครดูยิ่งใหญ่และอันตราย แม้กระทั่งในฉากที่พวกเขาแค่กำลังเตรียมจะพูดประโยคสำคัญ การใช้มุมกล้องที่บิดเบี้ยว การซูมเฉพาะจุด และเส้นสายที่พุ่งทะยาน ล้วนเป็นเทคนิคที่ยืมมาจากศิลปะ Baroque เพื่อสร้างความรู้สึกว่าทุกวินาทีใน JoJo นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด
สีสันเกินจริง: เมื่ออารมณ์อยู่เหนือกฎฟิสิกส์
อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้ JoJo โดดเด่นคือการใช้ ‘สีสันเกินจริง’ ซึ่งไม่ยึดติดกับความเป็นจริง Araki มักเปลี่ยนโทนสีของฉากอย่างกะทันหัน ในช่วงเวลาที่ตัวละครกำลังเผชิญหน้ากับอันตรายร้ายแรง ท้องฟ้าอาจเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีเขียวมรกต หรือเสื้อผ้าของตัวละครที่เคยเป็นสีเหลืองก็กลายเป็นสีชมพูช็อกกิ้งพิงค์ในช่องถัดมา
นี่ไม่ใช่ความผิดพลาด แต่เป็นความตั้งใจ Araki ใช้สีเพื่อเน้นความรู้สึกและบรรยากาศ (Mood) แทนที่จะเน้นความสมจริง การเปลี่ยนสีอย่างรุนแรงและฉับพลันนี้ช่วยขยายมิติทางอารมณ์ของฉากแอ็กชันเหนือธรรมชาติ ทำให้ผู้ชมรู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนทางจิตวิญญาณและความบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นในการต่อสู้ของ Stand ซึ่งเป็นกลไกที่ทรงพลังในการสื่อสารอารมณ์ที่ซับซ้อน
แฟชั่นที่ไม่เข้าพวก: รันเวย์ท่ามกลางสมรภูมิ
สิ่งที่เติมเต็มความโอ่อ่าเหล่านี้คือ ‘แฟชั่นที่ไม่เข้าพวก’ (Mismatched Fashion) ตัวละครของ JoJo ดูเหมือนเพิ่งเดินลงมาจากรันเวย์ของกุชชี่หรือแวร์ซาเช ก่อนจะกระโดดเข้าไปในสมรภูมิอันตราย Araki ผสมผสานสไตล์แฟชั่นชั้นสูง (Haute Couture) เข้ากับชุดที่ดูไม่สมเหตุสมผลสำหรับสถานการณ์ ตัวละครมักสวมเครื่องประดับเกินจริง หรือชุดที่เปิดเผยร่างกายในแบบที่ไม่น่าจะเป็นชุดต่อสู้
การรวมเอาแฟชั่นสมัยใหม่ ย้อนยุค และความเหนือจริงเข้าด้วยกัน ทำให้ตัวละครมีบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์และน่าจดจำ ทุกชุดคือคำแถลงการณ์ แม้ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอด สุนทรียศาสตร์นี้สร้างความย้อนแย้งที่น่าสนใจ: ความตายและความหายนะถูกนำเสนอด้วยความสง่างามทางแฟชั่นระดับสูง
การถอดรหัสความโอ่อ่าใน JoJo เป็นการเรียนรู้ว่าศิลปะแอ็กชันสามารถมีความซับซ้อนและงดงามได้เพียงใด Araki ไม่ได้แค่เล่าเรื่องราวการต่อสู้ แต่เขากำลังกำกับโอเปร่าทางสายตาที่ใช้หลักการทางศิลปะ Baroque และแฟชั่นชั้นสูงเป็นเครื่องมือในการสร้างความตื่นเต้น ฉากแอ็กชันใน JoJo จึงเป็นมากกว่าการปะทะกันของพลัง แต่คือการระเบิดทางสุนทรียภาพที่ทำให้ผลงานชิ้นนี้ยังคงเป็นตำนานที่ไม่เคยตกยุค
