More

    Princess Mononoke: ปรัชญาความรุนแรงเชิงนิเวศน์ และการล่มสลายของเทพเจ้า

    Princess Mononoke ไม่ได้เป็นเพียงภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องยิ่งใหญ่ แต่เป็นข้อความทางปรัชญาที่ทรงพลังที่สุดเรื่องหนึ่งของ Hayao Miyazaki ที่ยังคงส่งเสียงก้องกังวานมาจนถึงทุกวันนี้ เมื่อเราพูดถึงความขัดแย้งระหว่างอุตสาหกรรมกับป่าไม้ หลายคนมักมองหาจุดประนีประนอมที่สวยงาม แต่ Mononoke กลับปฏิเสธทางออกง่ายๆ เหล่านั้น โดยพุ่งเป้าไปที่ ‘ปรัชญาความขัดแย้งเชิงนิเวศน์’ ที่ฝังรากลึกในความรุนแรงของธรรมชาติและการสูญเสียเทพเจ้า

    ถ้าเราถอดเปลือกของเรื่องราวการผจญภัยออก เราจะพบกับคำถามที่ว่า: การประนีประนอมนั้นเป็นไปได้จริงหรือเมื่อการอยู่รอดของฝ่ายหนึ่งหมายถึงความตายของอีกฝ่ายหนึ่ง? Miyazaki ไม่ได้ทำให้ Lady Eboshi เป็นตัวร้ายแบบแบนๆ เธอเป็นตัวแทนของความก้าวหน้าและการปลดปล่อยมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ด้อยโอกาส เช่น โสเภณีและคนโรคเรื้อน ซึ่งพบศักดิ์ศรีในโรงหล่อเหล็ก (Iron Town) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรม การตัดไม้ทำลายป่าของ Eboshi จึงไม่ได้เกิดจากความโลภเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากความจำเป็นในการสร้าง “สังคม” ที่ดีขึ้น

    ในขณะเดียวกัน ป่าไม้ก็ไม่ได้เป็นแดนสวรรค์ที่สงบเงียบ เทพเจ้าสัตว์ป่า เช่น หมาป่าและหมูป่า ล้วนมีความดุร้ายและพร้อมที่จะฆ่ามนุษย์ทุกคนที่รุกล้ำอาณาเขต นี่คือ ‘ความรุนแรงของธรรมชาติ’ (Natural Violence) ที่ Mononoke นำเสนอ ธรรมชาติไม่ได้ปรานีหรือใจดี ธรรมชาติคือพลังแห่งการทำลายล้างและการสร้างสรรค์ที่ไม่แยแสต่อศีลธรรมของมนุษย์ การอยู่รอดของป่าไม้ขึ้นอยู่กับการบดขยี้อุตสาหกรรม และการอยู่รอดของ Iron Town ขึ้นอยู่กับการบดขยี้ป่าไม้ เป็นความขัดแย้งที่ไม่มีผู้ชนะที่บริสุทธิ์

    จุดสูงสุดของความขัดแย้งเชิงนิเวศน์นี้มาถึงเมื่อมนุษย์พยายามจะปลิดชีพ ชิชิกามิ (Great Forest Spirit) หรือเทพเจ้าแห่งป่าไม้ การตายของชิชิกามิ—ที่สามารถตีความได้ว่าเป็นการสังหาร ‘เทพเจ้าที่ตายแล้ว’ (The Dead God) เป็นสัญลักษณ์ของจุดที่มนุษย์ก้าวข้ามขีดจำกัดทางนิเวศน์อย่างถาวร เมื่อศีรษะของเทพเจ้าถูกตัดออก ร่างกายของมันก็แปรสภาพเป็น Nightwalker ขนาดมหึมาที่แผ่ขยายความตายไปทั่วผืนดิน

    Miyazaki ไม่ได้ปล่อยให้เทพเจ้าตายเปล่า การสลายตัวของชิชิกามิแสดงให้เห็นว่าเมื่อระเบียบทางนิเวศน์โบราณถูกทำลาย ผลลัพธ์ที่ได้คือความวุ่นวายระดับหายนะ ความพยายามที่จะควบคุมหรือทำลายพลังแห่งธรรมชาติของมนุษย์ย่อมนำมาซึ่งการตอบโต้ที่รุนแรงและคาดไม่ถึง อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุด แม้เทพเจ้าจะตาย ป่าก็ยังคงงอกเงยขึ้นมาใหม่ แม้จะใช้เวลานานและเจ็บปวด

    บทสรุปของ Mononoke ไม่ได้มอบการประนีประนอมที่สมบูรณ์แบบ แต่อาชิทากะได้ทิ้งหลักการสำคัญไว้: การอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของความเข้าใจในความรุนแรงและข้อจำกัดของตนเอง Eboshi สัญญาว่าจะสร้างโรงงานที่ดีขึ้น และป่าเริ่มฟื้นตัว แต่ร่องรอยของการสังหารเทพเจ้ายังคงอยู่ Miyazaki ต้องการให้เราตระหนักว่าอุตสาหกรรมและธรรมชาติอาจอยู่ร่วมกันได้ในรูปแบบที่จำกัด แต่ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียบางสิ่งที่ไม่อาจย้อนคืนได้ นั่นคือการสูญเสียความศักดิ์สิทธิ์และอำนาจเหนือมนุษย์ของป่าไม้ ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นบทเรียนอันเจ็บปวดว่าการสร้างอนาคตของมนุษย์นั้นมักจะต้องมีการฆ่า ‘เทพเจ้า’ ในตัวเราบางส่วนเสมอ เพื่อให้เราก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความรับผิดชอบต่อซากศพที่เราทิ้งไว้เบื้องหลัง

    Latest articles

    spot_imgspot_img

    Related articles

    Leave a reply

    กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
    กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

    spot_imgspot_img